ยุคนี้ คนรุ่นใหม่สนใจที่จะทำธุรกิจกันมากขึ้น อยากเป็นเจ้าของกิจการเอง มากกว่าที่จะไปเป็นลูกจ้างใคร หรือไปเป็นข้าราชการ แต่การทำธุรกิจ ไม่ใช่แค่มีความฝัน ความคิด และมีเงินแล้วจะทำอะไรก็ได้ แต่จะต้องมีความเข้าใจในธุรกิจที่จะทำ มีการวางแผนอย่างเป็นขั้นเป็นตอน ทั้งนี้ทั้งนั้นคงไม่พ้นหลัก P ซึ่งมีสูตรหลายสำนักทั้ง 4P หรือ 5P
P แรก Product นั่นคือสินค้าหรือบริการ นอกจากต้องมีคุณภาพแล้ว ควรพิจารณาด้วยว่าสินค้าหรือบริการที่เราจะเสนอลูกค้านั้นมีความแตกต่างจากเจ้าอื่นในตลาดอย่างไร
P ที่สอง Price หรือราคา นับเป็นสิ่งสำคัญในการกำหนดราคาจะต้องดูให้เหมาะสมระหว่างต้นทุนกับมาร์จิ้น ที่จะเป็นกำไรที่ลูกค้าเต็มใจที่จะจ่าย
P ที่สาม Place สถานที่หรือวิธีการนำสินค้าไปสู่ลูกค้า จะต้องมีความสะดวก ถ้าได้ทำเลดีก็สบายไปกว่าครึ่งแล้ว รวมถึงการตกแต่งสถานที่ให้สวยงาม
P ที่สี่ Promotion กิจกรรมส่งเสริมต่างๆเพื่อให้ลูกค้ารับรู้ถึงสินค้า หรือบริการของเรา
P ที่ห้า People พนักงาน นับเป็นส่วนสำคัญเช่นกัน ควรมีการอบรมพนักงานให้มีความรู้และการบริการที่ดีกับลูกค้า
ทั้งต้นทุนคงที่และต้นทุนผันแปรที่จะต้องดูแลอย่างเข้มงวด เพราะหากต้นทุนบานปลาย กำไรก็จะหดหาย แล้วก็จะเจ๊งในที่สุด ดังนั้นต้องใส่ใจการทำบัญชีรายรับรายจ่ายอย่างใกล้ชิด เพื่อที่เราจะได้รู้สถานการณ์ว่าค่าใช้จ่ายต่างๆ กับรายรับที่เข้ามาเป็นอย่างไร เพื่อที่จะแก้สถานการณ์ให้ทันท่วงที หากรายจ่ายเพิ่มขึ้น แต่รายรับคงที่ เท่ากับว่าเราขาดทุน
ไม่ว่าจะเป็นค่าน้ำค่าไฟ รวมทั้งการบริหาร สต็อกสินค้าไม่ให้มีมากเกินไป ยกตัวอย่าง ธุรกิจร้านอาหาร หรือสถานบันเทิง บางครั้งลูกค้าเข้ามาใช้บริการกันมาก แต่ทำไมมีกำไรน้อย เพราะลูกค้ายิ่งมากอาจทำให้ต้นทุนเยอะตามไปด้วย ดังนั้น จะต้องหาทางลดต้นทุนลง โดยใช้ระบบไอทีเข้ามาช่วย ซึ่งปัจจุบันมีซอฟต์แวร์หลายตัวที่ช่วยในการบริการจัดการต่างๆ อาทิ โปรมแกรมบริหารงานต้นทุนอาหาร (PAKEYSOFT RECIPE) เป็นโปรแกรมควบคุมระบบการทำงานของร้านอาหาร โดยการรับข้อมูลของการขายเข้ามาเพื่อตัดสต็อก และคำนวณต้นทุนของอาหารแต่ละชนิด ช่วยควบคุมปริมาณการใช้วัตถุดิบที่ใช้ทำอาหาร ช่วยให้รับรู้ปริมาณการสูญเสียวัตถุดิบ ช่วยควบคุมปริมาณวัตถุดิบที่ใช้ในแต่ละวัน การใช้โปรแกรมช่วยในการบริหารจัดการ นอกจากจะทำให้การทำงานรวดเร็วและมีการเก็บข้อมูลอย่างเป็นระบบแล้ว ยังช่วยลดการใช้กระดาษ และลดเวลาลงอย่างมาก หรือแม้แต่การใช้แอพพลิเคชั่น LINE ในการรับออร์เดอร์ จะช่วยลดต้นทุนการใช้กระดาษ ช่วยลดเวลาในการทำงานของพนักงานไม่ต้องเดินไปเดินมา และทำให้การบริการเร็วขึ้น
การใช้เครื่องเป่ามือในห้องน้ำหากเปรียบเทียบค่าใช้จ่ายระหว่างเครื่องเป่าลมร้อน(ทั่วไป) กับกระดาษชำระ สำหรับเครื่องเป่าลมร้อน(ทั่วไป) ค่าไฟฟ้า 360 บาท/เดือน หรือ 4,320 บาท/ปี แต่จะไม่มีค่าจ่ายเรื่องกระดาษชำระและค่าถุงดำเพื่อใส่กระดาษชำระที่ทิ้งแล้ว
ส่วนการใช้กระดาษชำระในห้องน้ำ แม้จะไม่มีค่าใช้จ่ายเรื่องค่าไฟ แต่ต้องจ่ายค่ากระดาษชำระ 1,200 บาท/เดือน (10,000 แผ่น) และค่าถุงดำที่ใส่กระดาษชำระที่ทิ้งแล้ว 62.5 บาท/เดือน รวมค่าใช้จ่ายตกถึงปีละ 15,150 บาท จะเห็นว่าค่าใช้จ่ายเครื่องเป่าลมร้อน(ทั่วไป)ถูกกว่าใช้กระดาษชำระมากถึงแม้การใช้เครื่องเป่าลมร้อน(ทั่วไป)จะมีค่าใช้จ่ายที่ถูกลงแล้วคือ 4,320 บาท/ปี
แต่หากใช้เครื่องเป่ามือพลังลม Jet Towel Mini ของมิตซูบิชิ อีเล็คทริค จะลดค่าใช้จ่ายลงอีกมากอย่างคาดไม่ถึง หลายเท่าตัว เพราะจะเสียค่าไฟแค่ 32 บาท/เดือน หรือแค่ 384 บาท/ปี เท่านั้้น สิ่งต่างๆ เหล่านี้ จะช่วยให้เราลดต้นทุนและค่าใช้จ่ายลงได้อีกมาก นั่นหมายความว่า จะทำให้เรามีกำไรเพิ่มขึ้นมากตามไปด้วย
JET Towel Mini
เครื่องเป่ามือพลังลม
สุดยอดนวัตกรรมจาก มิตซูบิชิ อีเล็คทริค
ประหยัด คุ้มค่า ช่วยลดต้นทุนค่าใช้จ่าย